เป็นอีกหนึ่งมาตรการที่รัฐบาลไฟเขียวออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับโครงการ "ช้อปดีมีคืน" โดยให้ผู้ที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินเพดานสูงสุด 30,000 บาท สำหรับการยื่นภาษีในช่วงต้นปี 2566 ส่วนจะมีเงื่อนไขอย่างไรบ้างนั้น เรารวบรวมข้อมูลมาแจกแจงให้ทราบกันแล้ว
ช้อปดีมีคืน เริ่มเมื่อไหร่
โครงการช้อปดีมีคืนที่รัฐบาลไฟเขียวครั้งนี้ จะสามารถใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 15 กุมภาพันธ์ 2565 รวม 46 วัน เท่ากับว่าจะใช้สิทธิ์ได้ในปี 2565 เท่านั้น
ช้อปดีมีคืน 2564 มีไหม
สำหรับในปี 2564 ไม่มีโครงการช้อปดีมีคืนออกมา ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้สิทธิ์นี้เพื่อลดหย่อนภาษี 2564 ได้
ช้อปดีมีคืน 2565 ลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่
สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าหรือบริการไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท เช่น
ซื้อสินค้ามูลค่า 10,000 บาท ก็จะใช้สิทธิ์ได้ 10,000 บาท
ซื้อสินค้ามูลค่า 50,000 บาท ก็จะใช้สิทธิ์ได้ 30,000 บาท เท่านั้น
ช้อปดีมีคืน 2565 ใครได้สิทธิ์บ้าง ?
เป็นบุคคลธรรมดาที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2565 และต้องการนำค่าใช้จ่ายจากโครงการนี้ไปใช้ลดหย่อนภาษี 2565 ที่จะยื่นแบบในต้นปี 2566
ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคล ไม่สามารถใช้สิทธิ์ช้อปดีมีคืนได้
ส่วนคนที่ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี หรือมีรายได้ถึงเกณฑ์เสียภาษีแต่มีค่าลดหย่อนอื่น ๆ ที่ทำให้ไม่ต้องเสียภาษี จะไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้ เนื่องจากไม่ได้เข้าข่ายที่ต้องจ่ายภาษีอยู่แล้วนั่นเอง จึงไม่สามารถนำค่าใช้จ่ายจากช้อปดีมีคืนไปหักภาษีได้
ช้อปดีมีคืน ต้องลงทะเบียนไหม
ผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการช้อปดีมีคืนไม่ต้องลงทะเบียนใด ๆ เลย เพียงแค่ซื้อสินค้าหรือบริการตามเงื่อนไขที่กำหนด แล้วขอใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปจากร้านค้า ก็สามารถใช้ประกอบการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2565 เพื่อหักลดหย่อนภาษีได้เหมือนกับค่าลดหย่อนอื่น ๆ ทั่วไป
ช้อปดีมีคืน 2565 ซื้อสินค้าอะไรได้บ้าง ?
ภาพจาก Wayne0216/Shutterstock
สำหรับสินค้าและบริการที่สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษี 2565 ตามโครงการช้อปดีมีคืนครั้งนี้ ได้แก่
สินค้าและบริการในประเทศที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
คือต้องเป็นการซื้อสินค้าหรือรับบริการในประเทศไทย และเป็นร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม อย่างเช่น ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เกต ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารที่จดทะเบียน VAT หรือร้านค้าทั่วไปที่ออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปได้เท่านั้น
สินค้าโอทอป (OTOP)
ต้องเป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว และมีหลักฐานเป็นใบเสร็จรับเงิน หรือใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปที่ระบุว่าเป็นรายการซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ โดยสามารถตรวจสอบร้านค้าได้ที่ otoptoday
ช้อปดีมีคืน 2565 ซื้อสินค้าอะไรลดหย่อนภาษีไม่ได้ ?
สินค้าและบริการบางประเภทไม่สามารถใช้สิทธิ์ช้อปดีมีคืน ลดหย่อนภาษี 2565 ได้ อาทิ
1. สุรา เบียร์ และไวน์
2. ยาสูบ
3. น้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ
4. รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ
5. หนังสือพิมพ์และนิตยสาร และค่าบริการหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
6. บริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์
7. ค่าที่พักในโรงแรม
8. ค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต
9. ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย เช่น ประกันรถยนต์ ประกันอัคคีภัย
10. ค่าบริการระยะยาวที่เริ่มต้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2565 หรือสิ้นสุดหลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 เช่น หากสมัครสมาชิกฟิตเนส 1 ปี โดยจ่ายเงินในวันที่ 1 มกราคม 2565 จะไม่สามารถใช้สิทธิ์ช้อปดีมีคืนได้ เพราะมีระยะเวลาให้บริการเกินวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565
นอกจากนี้สินค้าหรือบริการบางประเภทที่ไม่ได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 7% อยู่แล้ว ก็จะไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ เช่น
ผัก-ผลไม้สดที่ยังไม่ได้แปรรูป
เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อปลา
ทองคำแท่ง
ค่ารักษาพยาบาล
ค่าทำศัลยกรรม
ช้อปดีมีคืน 2565 ได้เงินคืนเท่าไหร่ ?
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ถ้าซื้อสินค้า 30,000 บาท ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหักภาษีได้ 30,000 บาทเลย แต่จะลดหย่อนได้เท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับฐานภาษีของตัวเอง ซึ่งต้องคำนวณจากเงินได้สุทธิที่เหลืออยู่ โดยในแต่ละขั้นจะสามารถลดหย่อนได้สูงสุดตามตารางต่อไปนี้
ยกตัวอย่างเช่น
มีเงินได้สุทธิ 300,000 บาท อยู่ที่ฐานภาษี 5% ถ้าใช้จ่ายในโครงการช้อปดีมีคืนแบบเต็มแม็กซ์ 30,000 บาท ก็จะหักลดหย่อนภาษีได้ 1,500 บาท
มีเงินได้สุทธิ 600,000 บาท ตกฐานภาษี 15% ถ้าซื้อสินค้าไป 20,000 บาท ก็จะประหยัดภาษีได้ 3,000 บาท
ดังนั้น คนที่ใช้สิทธิ์ได้คุ้มค่าที่สุดคือ คนที่มีฐานภาษี 35% เพราะถ้าซื้อสินค้า 30,000 บาท จะนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 10,500 บาท เท่ากับได้ส่วนลดจากการซื้อสินค้าไป 35% โดยปริยาย
ส่วนผู้ที่เสียภาษีในอัตราน้อย ๆ เช่น คนที่มีเงินเดือน 30,000 บาท เสียภาษีเพียงแค่ 5% อาจต้องพิจารณาด้วยว่าสินค้าที่เราจะซื้อนั้นจำเป็นหรือไม่ เพราะหากต้องซื้อของมูลค่า 30,000 บาท เพื่อแลกกับส่วนลดเพียงแค่ 1,500 บาท อาจไม่คุ้มค่า ยกเว้นว่ามีของที่ต้องการซื้ออยู่แล้วก็ถือว่าได้ส่วนลด 5% พอดี
Comments