ถกประเด็นเงินประกัน 1 ล้านบาท แตงโม นิดา มอบให้ลูกของกระติก ด้าน ทนายรณณรงค์ เผยมีวิธีเดียวแก้สัญญาได้ แต่โลกความจริงทำไม่ได้ สุดท้ายกระติกต้องเป็นผู้แทนรับเงินประกัน แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย เพราะต้องไปเอาสิ่งนี้จากแม่แตงโมก่อน...
ภาพจาก Instagram gatick
จากกรณีการเสียชีวิตของอดีตนางเอกสาว แตงโม นิดา จากเหตุพลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ทและจมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งต่อมาทราบว่า แตงโมมีประกันอุบัติเหตุที่ระบุชื่อผู้รับผลประโยชน์คือ น้องอีสเตอร์ ลูกสาวของกระติก ผู้จัดการส่วนตัว จะได้รับเงินประกันจำนวน 1 ล้านบาท โดยทางคุณแม่ของแตงโม กำลังปรึกษาทนายความเรื่องการระงับผู้รับผลประโยชน์ ตามที่รายงานไปนั้น
ภาพจาก เฟซบุ๊ก แอนนา
ล่าสุด วันที่ 3 มีนาคม 2565 ข่าวเช้าช่องวัน รายงานว่า ประกันอุบัติเหตุดังกล่าวได้รับจากรายการ ซุปตาร์พาฟิน ซึ่งมี ธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกร คอนเทนต์ของรายการ คือ ดาราอยากทำอะไร อยากทดลองทำอาชีพอะไร ทางรายการก็จะพาไปทำ โดยมีประกันอุบัติเหตุให้ฟรี 1 ปี โดยเทปนั้น แตงโม ไปทดลองเป็นช่างรถยนต์ ซึ่งประกันภัยที่ระบุชื่อ น้องอีสเธอร์ กรมธรรม์จะสิ้นสุดวันที่ 4 เมษายน 2565
ขณะที่บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เตรียมเช็คค่าสินไหมทดแทนไว้เรียบร้อยแล้ว รอเพียงการมาใช้สิทธิของผู้รับผลประโยชน์หรือผู้แทน
โดยปัจจุบัน น้องอีสเธอร์ อายุ 6 ขวบ ดังนั้น ผู้แทนในการรับผลประโยชน์ค่าสินไหมทดแทนจึงต้องเป็น กระติก ผู้เป็นแม่แท้ ๆ แต่ปัญหาติดอยู่ที่การรับผลค่าสินไหมทดแทน ต้องนำเอกสารใบมรณบัตรของผู้ตายไปยื่นกับบริษัทประกัน ซึ่งกระติกต้องไปขอใบมรณบัตรกับคุณแม่ของแตงโม ต้องรอดูกันต่อไปว่าคุณแม่จะยอมหรือไม่อย่างไร เนื่องจากคุณแม่เตรียมดำเนินการเรื่องถอนสิทธิ์และเปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์ พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าแตงโมอาจไม่ได้เป็นคนกรอกเอกสารประกันเอง กระติกอาจเป็นคนกรอกข้อมูลให้หรือไม่
ภาพจาก ข่าวเช้าช่องวัน
ด้าน ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ตอบกรณีที่สังคมสงสัยว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงชื่อผู้รับผลประโยชน์ในประกันได้หรือไม่ โดยระบุว่า การที่คุณแม่ของแตงโมจะไปขอเปลี่ยนแปลงสัญญาประกันไม่สามารถทำได้ ทิพยประกันภัย มีหน้าที่จ่ายเงิน 1 ล้านบาทให้กับลูกบุญธรรมของแตงโม
ส่วนคำถามว่า ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขต้องทำอย่างไร ทำได้อย่างเดียวคือ ให้แตงโมฟื้นขึ้นมาแล้วไปขอแก้ไขสัญญา ซึ่งมันทำไม่ได้อยู่แล้ว สิ่งที่จะทำได้คือ ต้องให้คนทำประกันไปแก้ไขสัญญาก่อนที่จะตาย
การที่บริษัทประกันจ่ายเงินให้กับลูกบุญธรรมของแตงโม 1 ล้านบาท เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้ทำประกัน ถึงแม้เราจะชอบหรือไม่ชอบกระติก ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ต้องเคารพการตัดสินใจของผู้ตาย ที่ประสงค์มอบเงินก้อนนี้ให้ลูกบุญธรรม บางคนอาจแย้งว่ากลัวกระติกเอาเงินไปใช้ ต้องบอกว่าถ้าแม่แท้ ๆ เอาไปใช้จนหมด ก็ถือว่าแตงโมได้ทำสิ่งสุดท้ายเอาไว้ให้ลูกบุญธรรมของเขาแล้ว
สำหรับกรณีทรัพย์สินเป็นของผู้เยาว์ การจะเอาไปใช้จ่ายนอกเหนือจากวัตถุประสงค์เพื่อผู้เยาว์ ต้องไปขออนุญาตศาลเยาวชนและครอบครัวก่อน โดยก่อนหน้านี้กระติกบอกว่าถ้าได้เงินมา 1 ล้านบาท จะเอาไปคืนให้แม่แตงโม ในความจริงไม่สามารถเอาไปคืนได้เพราะไม่ใช่เงินของกระติก
นอกจากนี้ แม้จะมีการโต้แย้งว่า แตงโมไม่ได้เซ็นให้ น้องอีสเธอร์ เป็นบุตรบุญธรรมโดยชอบด้วยกฎหมาย ก็ไม่มีผลกับประกันดังกล่าว เพราะผู้รับผลประโยชน์ในประกันจะเป็นใครก็ได้ ไม่ใช่ญาติก็ได้ แต่ต้องเป็นบุคคลที่ผู้ทำประกันได้ระบุเอาไว้เท่านั้น
ภาพจาก Instagram gatick
ภาพจาก ข่าวเช้าช่องวัน
ขอบคุณข่าวจาก Kabook.com
Comments